แนะนำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

https://physics.gxu.edu.cn/English/Home.htm

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มีประวัติการก่อตั้งที่ยาวนานและมีรากฐานมั่นคง โดยมีจุดเริ่มต้นจากภาควิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นพร้อมกับการสถาปนามหาวิทยาลัยกว่างซีในปี ค.ศ. 1928 ต่อมาในปี ค.ศ. 1933 ได้มีการจัดตั้งภาควิชาฟิสิกส์ โดยมีนักวิชาการที่มีชื่อเสียง เช่น ศาสตราจารย์กิตติคุณ หลู เฮ้อฝู นักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ซือ หรูเหวย และศาสตราจารย์ เจิ้ง เจี้ยนซวน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชา ในปี ค.ศ. 1978 คณะฯ ได้รับการอนุมัติให้เป็นมหาวิทยาลัยแรกของประเทศที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนปริญญาโท และในปี ค.ศ. 2005 ได้รับการอนุมัติให้เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทสาขาฟิสิกส์ระดับหนึ่งของชาติ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 รัฐบาลจีนได้ดำเนิน "โครงการก่อสร้างมหาวิทยาลัยและสาขาวิชาชั้นหนึ่งระดับโลก" อย่างเต็มรูปแบบ ทางคณะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยในปี ค.ศ. 2017 สาขาวิชาฟิสิกส์ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสาขาวิชาชั้นหนึ่งของกว่างซีในระยะบ่มเพาะ และในปี ค.ศ. 2022 ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการให้เป็นสาขาวิชาชั้นหนึ่งของกว่างซีในรอบที่สอง ในปี ค.ศ. 2018 ได้รับการอนุมัติให้เปิดสอนหลักสูตรปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ระดับหนึ่ง และในปี ค.ศ. 2019 ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งสถานีวิจัยหลังปริญญาเอก สาขาฟิสิกส์ได้รับการจัดให้เป็นสาขาวิชาชั้นหนึ่งระดับชาติในกลุ่มมหาวิทยาลัยภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะที่สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการจัดให้เป็นสาขาวิชาชั้นหนึ่งของกว่างซี และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 เป็นต้นมา ได้มีการจัดตั้งหลักสูตรปริญญาตรีสาขาการออกแบบวงจรรวมและระบบวงจรรวม

คณาจารย์:

ตั้งแต่ปี 2561 ทางคณะดำเนินการจ้างตามระบบการจ้างงานแบบกำหนดระยะเวลาล่วงหน้า (Pre-tenure) และการจ้างงานถาวร (Tenure) กับอาจารย์ประเภทการสอนและการวิจัยและบุคคลากรทั้งหมด

ทางคณะฯ มีอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกจำนวน 57 คน และอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาโทจำนวน 83 คน  ปัจจุบันมีคณาจารย์ประจำประเภทการสอนและการวิจัยที่ได้รับการบรรจุจำนวน 66 คน (คาดว่าจะเพิ่มเป็น 120 คน ภายหลังสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14) ในจำนวนนี้มี 3 คนที่ได้รับคัดเลือกเข้าสู่แผนพัฒนาบุคลากรสำคัญระดับชาติจำนวน 17 คน  ได้รับตำแหน่งบุคลากรที่มีความสามารถจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน หรือในระดับมณฑลจำนวน 5 คน  เป็นหัวหน้าโครงการกองทุนวิทยาศาสตร์เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ และกองทุนวิทยาศาสตร์เยาวชนยอดเยี่ยม หรือโครงการประเภทสำคัญของกองทุนวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ จำนวน 1 คน  เป็นผู้สำเร็จโครงการรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ ระดับที่สอง
   ในส่วนของอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาโทและเอกแบบอัตราจ้างรวมถึงนักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนที่เป็นชาวต่างชาติจำนวน 1 คน  นักวิชาการรุ่นใหม่จำนวน 11 คนได้รับคัดเลือกเข้าสู่แผนพัฒนาบุคลากรสำคัญระดับชาติ หรือโครงการกองทุนบุคลากรระดับชาติ

ลักษณะเด่นของสาขาวิชา: คณะฯ ได้สร้างรูปแบบการบ่มเพาะบุคลากรและการวิจัยเชิงวิชาการโดยมีสาขาวิชาฟิสิกส์เป็นรากฐาน ผสานกับสหวิทยาการระหว่างฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงวงจรรวมและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทิศทางการวิจัยเชิงวิชาการที่สำคัญประกอบด้วย ดาราศาสตร์ฟิสิกส์และเทคโนโลยีการตรวจวัด ฟิสิกส์เชิงแสงและอุปกรณ์ ฟิสิกส์สสารควบแน่นและเทคโนโลยีพลังงานใหม่ วงจรรวมและระบบ รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตระดับไมโครและนาโน

แพลตฟอร์มสหวิทยาการ: ประกอบด้วยฐานบ่มเพาะนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญของกว่างซี "ห้องปฏิบัติการหลักด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์สัมพัทธภาพกว่างซี" ห้องปฏิบัติการหลักแห่งชาติที่สร้างร่วมกันโดยมณฑลและกระทรวง "ห้องปฏิบัติการหลักกว่างซีสำหรับโลหะนอกกลุ่มเหล็กและการแปรรูปวัสดุพิเศษ" ศูนย์วิศวกรรมเทคโนโลยีวัสดุแบตเตอรี่ใหม่กว่างซี ศูนย์วิจัยพลังงานนาโนที่สร้างร่วมกันโดยสถาบันพลังงานและระบบนาโนปักกิ่งแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและมหาวิทยาลัยกว่างซี ศูนย์วิจัยฟิสิกส์ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์อวกาศ มหาวิทยาลัยกว่างซี-หอดูดาวแห่งชาติ เป็นต้น ห้องปฏิบัติการมีพื้นที่เกือบ 40,000 ตารางเมตร อุปกรณ์วิจัยมีมูลค่าเกือบ 200 ล้านหยวน มีกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดชนิดปล่อยสนาม เครื่องวิเคราะห์โพรบอิเล็กตรอน ระบบวัดคุณสมบัติทางกายภาพแบบครบวงจร กล้องจุลทรรศน์คอนโฟกัส ออปติคัล กล้องจุลทรรศน์ออปติคัลสนามแม่เหล็กแรงสูงอุณหภูมิต่ำ กล้องจุลทรรศน์แรงกระตุ้นด้วยแสง แมกนีตรอนสปัตเตอริง การแกะสลักพลาสมาแบบเหนี่ยวนำ ระบบการสะสมไอเคมีแบบพลาสมาเอนฮานซ์ (PECVD) ระบบฉายแสงยูวี เครื่องระเหยลำอิเล็กตรอนสุญญากาศสูงพิเศษ ระบบเขียนโดยตรงด้วยลำอิเล็กตรอนนาโน การสะสมไอเคมีสารอินทรีย์โลหะ (MOCVD) และอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ใช้ร่วมกันอื่นๆ และห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่พิเศษ (1,200 ตารางเมตร) นอกจากนี้ วิทยาลัยฯ ยังร่วมมือกับนานาชาติและในประเทศเพื่อสร้างระบบสำรวจแสงแบบออปติคัลอัตโนมัติแบบไทม์สเกลสั้น กล้องโทรทรรศน์ติดตามอัตโนมัติแบบตอบสนองรวดเร็ว กล้องโทรทรรศน์ออปติคัลขนาด 1 เมตรของสถานีอาลีของเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ทั่วโลก (LCOGT) สเปกโตรมิเตอร์ปลายทางของกล้องโทรทรรศน์ออปติคัลขนาด 4 เมตรของมูสทากห์พีค สถานีรับสัญญาณ VHF ของดาวเทียม China-France Space Variable Objects Monitor (SVOM) และอุปกรณ์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ภาคสนามขนาดใหญ่อื่นๆ และฐานทดสอบพลังงานสีฟ้าทางทะเล วิทยาลัยฯ ร่วมมือกับสถาบันพลังงานและระบบนาโนปักกิ่งแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีน หอดูดาวแห่งชาติ หอดูดาวจื่อจินซาน มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน มหาวิทยาลัยหัวจงนอร์มอล บริษัท ปักกิ่งจ้าวอี้อินโนเวชั่นเทคโนโลยี จำกัด และอื่นๆ เพื่อสร้างฐานบ่มเพาะร่วมสำหรับบุคลากรที่มีความสามารถด้านนวัตกรรม สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะบุคลากรมีความยอดเยี่ยม มีการสร้างร้านกาแฟสำหรับการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยน ห้องอภิปรายทางวิชาการ ฯลฯ บรรยากาศทางวิชาการเข้มข้น มีการจัดฟอรัมวิชาการแนวหน้า "เรื่องราวแห่งดวงดาวและทะเล" และการบรรยายทางวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา "ความงดงามแห่งธรรมชาติในฤดูใบไม้ผลิ" เป็นประจำ

การบ่มเพาะบุคลากร: มีระบบการบ่มเพาะบุคลากรเชิงวิจัยที่สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท-ปริญญาเอก-หลังปริญญาเอก ระดับปริญญาตรีเปิดรับนักศึกษาในสาขาวิชาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ วงจรรวมและระบบ รับนักศึกษาประมาณ 250 คนต่อปี รับนักศึกษาปริญญาเอกประมาณ 50 คนต่อปี และนักศึกษาปริญญาโทประมาณ 200 คนต่อปี อาศัยโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติและระดับท้องถิ่นในการบ่มเพาะบุคลากรระดับปริญญาตรีเชิงวิจัย วิทยาลัยฯ ได้ก่อตั้ง "โครงการอัจฉริยะทางดาราศาสตร์" ตั้งแต่ปี 2558 นักศึกษาที่จบจากโครงการฯ สี่รุ่น มีอัตราการศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษามากกว่า 80% และได้ก่อตั้ง "โครงการบ่มเพาะบุคลากรนวัตกรรมวิทยาศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์เชิงฟิสิกส์" (โครงการบ่มเพาะนวัตกรรม) ตั้งแต่ปี 2561 โครงการอัจฉริยะทางดาราศาสตร์และโครงการบ่มเพาะนวัตกรรม ดำเนินการบ่มเพาะในรูปแบบต่อเนื่องระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท และปริญญาตรี-ปริญญาโท-ปริญญาเอก นักศึกษาระดับปริญญาตรีสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกโครงการบ่มเพาะนวัตกรรมข้ามวิทยาลัยและข้ามสาขาวิชาอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย

การวิจัยเชิงวิชาการ: มุ่งเน้นการโจมตีทางเทคนิคในโครงการวิทยาศาสตร์ที่สำคัญระดับชาติ ดำเนินการวิจัยพื้นฐานเกี่ยวกับแนวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ และให้บริการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและกว่างซี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายโครงการระดับชาติ 176 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการสำคัญและโครงการสำคัญของมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ และโครงการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือโครงการเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ รวม 17 โครงการ โครงการทั่วไปของมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ 52 โครงการ โครงการแผนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญระดับมณฑลและกระทรวง (รวมถึงโครงการบุคลากร) 13 โครงการ และเงินทุนวิจัยสะสมทุกประเภท 240 ล้านหยวน ในปี 2565 อาจารย์ได้ตีพิมพ์บทความ SCI 600 บทความ มากกว่า 90% เป็นบทความระดับสูงใน JCR เขต 1 และ 2 ได้รับการยอมรับและตีพิมพ์บทความใน Nature และ Science 5 บทความ ซึ่ง 1 บทความตีพิมพ์โดยมหาวิทยาลัยกว่างซีเป็นหน่วยงานผู้เขียนแรก ทีมฟิสิกส์ดาราศาสตร์และเทคนิคการตรวจจับที่เกี่ยวข้องได้รับรางวัลกว่างซีอินโนเวชั่นไพโอเนียร์อวอร์ดครั้งที่ 3

ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยน: วิทยาลัยฯ อาศัยศูนย์วิจัยฟิสิกส์ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์อวกาศ มหาวิทยาลัยกว่างซี-หอดูดาวแห่งชาติ ในการร่วมมืออย่างลึกซึ้งกับผู้ร่วมงานทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกันสร้างระบบสำรวจแหล่งกำเนิดแสงชั่วคราวแบบออปติคัลไทม์สเกลสั้น กล้องโทรทรรศน์ออปติคัลขนาด 1 เมตรของสถานีอาลีของเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ทั่วโลก (LCOGT-AL) จำนวน 1 กล้อง และใช้กล้องโทรทรรศน์ออปติคัลมากกว่า 20 กล้องร่วมกันจาก 8 สถานีทั่วโลกของ LCOGT สถานีรับสัญญาณ VHF ของดาวเทียม SVOM ที่ร่วมมือระหว่างจีนและฝรั่งเศส สเปกโตรมิเตอร์ปลายทางของกล้องโทรทรรศน์ออปติคัลขนาด 4 เมตร และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ และอื่นๆ เพื่อสร้างเครือข่ายการตรวจวัดดาราศาสตร์แบบไทม์โดเมนระหว่างประเทศ อาศัยห้องปฏิบัติการร่วมด้านการตรวจจับอนุภาค มหาวิทยาลัยกว่างซี-สถาบันฟิสิกส์พลังงานสูงแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีน (อยู่ระหว่างการเตรียมการ) เพื่อดำเนินงานวิจัยโครงการเครื่องตรวจจับโพลาไรเซชันของรังสีแกมมาเบิร์สท์ของสถานีอวกาศจีน (POLAR-2) และอุปกรณ์ตรวจจับรังสีคอสมิกพลังงานสูง (HERD) วิทยาลัยฯ ยังร่วมมือกับสถาบันพลังงานและระบบนาโนแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีน เพื่อร่วมกันสร้างศูนย์วิจัยพลังงานนาโน และร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์ และมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยอื่นๆ ร่วมกันจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมพลังงานสีฟ้าจีน-อาเซียน เพื่อพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานสีฟ้าทางทะเลโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าด้วยนาโน และพัฒนา ระบบการใช้งานสภาพแวดล้อมทางทะเลแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เป็นต้น

การบริการและการสนับสนุน: วิทยาลัยบริหารจัดการตามรูปแบบการบริหารมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ เพื่อให้คณาจารย์ประจำพ้นจากภารกิจธุรการที่ยุ่งยาก และมุ่งเน้นไปที่งานด้านการบ่มเพาะบุคลากรและงานวิจัยเชิงวิชาการ

(ข้อมูลอัพเดต  15 มีนาคม 2566)